4 kWh) จะมีด้วยกัน 5 ขา โดยปลั๊กรูปแบบนี้จะพบได้ในรถญี่ปุ่นและรถยนต์ไฟฟ้าจากอเมริกา Type 2 รองรับระบบไฟแบบ 1 เฟส รองรับกระแสไฟฟ้าได้สูงสุดถึง 70A (16. 8 kWh) รวมไปถึงสามารถรองรับไฟฟ้ากระแสสลับ 3 เฟสได้เช่นกัน ด้วยกระแสไฟฟ้า 63A (43 kWh)/เฟส มีด้วยกัน 7 ขา ซึ่งในประเทศไทยเราก็จะนิยมประเภทนี้เช่นกัน หัวชาร์จสำหรับไฟฟ้ากระแสตรง (DC) CHAdeMO หัวชาร์จรูปแบบนี้จะพบได้ในรถยนต์ญี่ปุ่น อเมริกา ซึ่งปลั๊กรูปแบบนี้จะมีใช้งานอย่างแพร่หลาย Combined Charging System หรือ CCS หัวชาร์จแบบนี้สามารถรองรับได้ทั้งการชาร์จแบบกระแสตรงและกระแสสลับ โดยด้านบนสุดจะเป็นปลั๊กสำหรับไฟฟ้ากระแสสลับ ส่วนด้านล่างจะเป็นปลั๊กกระแสตรง แยกความแตกต่างกันโดย CCS Type 1 จะมีความสัมพันธ์กับปลั๊กแบบ AC Type 1 ส่วน CCS Type 2 จะมีความสัมพันธ์กับปลั๊กแบบ AC Type 2
จำนวนช่องชาร์จ ควรที่จะเลือกซื้อที่ชาร์จในรถยนต์ที่มีจำนวนช่องชาร์จไม่เกิน 2 ช่องซึ่งจะช่วยให้คุณนั้นสามารถที่จะใช้ในการชาร์จอุปกรณ์ภายในรถยนต์ได้ 2 ชิ้นพร้อมกันและจะไม่ทำให้เกิดปัญหากับระบบไฟฟ้าของรถยนต์ของคุณการใช้กระแสไฟฟ้าภายในรถยนต์ที่มากจนเกินไปนั้นอาจจะทำให้รถยนต์ของคุณนั้นเกิดปัญหาขณะใช้งานได้ 2. ขนาดของหัวชาร์จ หัวชาร์จภายในรถยนต์นั้นจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องมีขนาดที่เล็กกะทัดรัดสามารถที่จะพกพาใช้ไปใช้งานได้อย่างสะดวกสบายและเนื่องจากว่าบริเวณที่ใช้ในการติดตั้งหัวชาร์จหรือที่จุดบุหรี่ ของรถยนต์นั้นจะถูกติดตั้งไว้ในส่วนที่มีพื้นที่แคบดังนั้นจึงควรที่จะเลือกหัวชาร์จหรือเครื่องชาร์จภายในรถยนต์ที่มีขนาดเล็กกะทัดรัดซึ่งจะช่วยให้คุณสามารถที่จะติดตั้งหรือใช้งานได้อย่างสะดวกสบายโดยที่ไม่เกะกะ 3. กระแสชาร์จหรือตัวกระแส Output คุณควรเลือกซื้อหัวชาร์จภายในรถยนต์ที่มีกระแสชาร์จที่เหมาะสมสำหรับการใช้งานกับมือถือของคุณซึ่งจะช่วยให้คุณนั้นสามารถที่จะทำการชาร์จแบตเตอรี่ได้โดยไม่เกิดปัญหาและปลอดภัยขณะที่ทำการใช้งานโดยเฉพาะอย่างยิ่งสมาร์ทโฟนที่รองรักระบบชาร์จเร็วนั้นคุณควรที่จะเลือกซื้อที่ชาร์จในรถยนต์ที่รองรับระบบการชาร์จแบบชาร์จเร็วซึ่งจะช่วยให้คุณนั้นสามารถที่จะชาร์จกระแสไฟฟ้าได้รวดเร็วมากขึ้นเมื่อเปรียบเทียบกันกับหัวชาร์จในรถยนต์ที่ไม่มีหรือไม่รองรับ Fast Charge หรือ Quick Charge 4.
จำนวนช่องที่ใช้ในการชาร์จ จำนวนช่องที่ใช้ในการชาร์จนั้นก็จะบ่งบอกถึงจำนวนของเครื่องหรืออุปกรณ์ที่คุณสามารถที่จะใช้ในการชาร์จได้พร้อมกันโดยเครื่องชาร์จแบตเตอรี่มือถือในรถยนต์นั้นจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องมีช่องชัดมากกว่า 1 ช่องขึ้นไปซึ่งจะช่วยให้คุณนั้นสามารถที่จะทำการชาร์จแบตเตอรี่ได้ให้กับอุปกรณ์ 2 เครื่องพร้อมกันซึ่งจะทำให้คุณนั้นมีความสะดวกสบายในการใช้งานเพิ่มมากยิ่งขึ้นในกรณีที่คุณมีอุปกรณ์มากกว่า 1 ชิ้นและต้องการที่จะใช้งานในการชาร์จ 2. ขนาดของเครื่องชาร์จในรถยนต์ ขนาดของเครื่องชาร์จนั้นก็มีความสำคัญเช่นเดียวกันโดยอุปกรณ์เครื่องชาร์จในรถยนต์นั้นจะเป็นอุปกรณ์ที่จะต้องมีขนาดที่เล็กกระทัดรัดสามารถที่จะติดตั้งได้อย่างง่ายดายเนื่องจากว่ารถแต่ละรุ่นนั้นมีพื้นที่รอบๆปลั๊กหรือช่องเสียบที่จุดบุหรี่ไม่เท่ากันดังนั้นถ้าหัวชาร์จหรือที่ชาร์จนั้นมีขนาดที่ใหญ่จนเกินไปอาจจะไม่สามารถที่จะใช้ในการติดตั้งลงบนช่องเสียบที่จุดบุหรี่ได้อย่างมีหรืออาจจะรู้สึกเกะกะขณะที่ใช้งานเนื่องจากว่ามีขนาดที่ใหญ่เทอะทะจนเกินไปดังนั้นขนาดของเครื่องชัดจึงมีความสำคัญเช่นเดียวกัน 3. ชนิดของช่องชาร์จ ช่องชาร์จที่อยู่บนเครื่องชาร์จภายในรถยนต์นั้นจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องเข้ากันได้กับตัวอุปกรณ์ที่ใช้ในการชาร์จอาทิเช่นสายชาร์จที่เป็นสายชาร์จแบบ USB Type C นั้นตัวเครื่องชาร์จในรถยนต์นั้นจะต้องมีช่อง output หรือช่องสำหรับเสียบในการเชื่อมต่อในการชาร์จ Smart Phone เป็นช่อง USB Type C เหมือนกัน 4.
อีกหนึ่งอุปกรณ์ที่สำคัญสำหรับรถยนต์ไฟฟ้า (EV) ที่ผู้ใช้รถจะขาดไม่ได้เลยนั่นก็คือ อุปกรณ์ชาร์จประจุไฟฟ้า ซึ่งเดี๋ยวเราจะมาดูกันครับว่าจะมีชนิดไหนกันบ้าง หัวชาร์จทั้งหมดที่มีในปัจจุบันเค้าใช้แบบไหนกัน รูปแบบสถานีชาร์จรถยนต์ไฟฟ้า รวมถึงเทคโนโลยีการชาร์จแบบไร้สายในอนาคต วันนี้เดี๋ยวผมจะมาเล่าให้ฟังเบื้องต้นเพื่อให้ทุกคนมีความรู้ความเข้าใจมากยิ่งขึ้นเกี่ยวระบบประจุไฟฟ้ากันนะครับ ที่มา: คู่มือประกอบกิจการสถานีอัดประจุไฟฟ้าสําหรับยานยนต์ไฟฟ้า (EV), คณะกรรมการกํากับกิจการพลังงาน (กกพ. ), 2561 รูปแบบการอัดประจุไฟฟ้า ปัจจุบันเทคโนโลยีการอัดประจุไฟฟ้าสามารถแบ่งได้เป็น 2 ประเภท ได้แก่ 1.
บังคับ คดี หัก เงินเดือน, 2024 | Sitemap