มีประวัติเคยตรวจระดับน้ำตาลในเลือดสูงผิดปกติ หรือเคยตรวจพบความทนต่อน้ำตาลบกพร่อง แต่ยังไม่ถึงเกณฑ์เป็นเบาหวาน 6. เคยเป็นเบาหวานขณะตั้งครรภ์ หรือเคยคลอดบุตร มีน้ำหนักแรกคลอดมากกว่า 4 กิโลกรัม มีภาวะความดันโลหิตสูง (มากว่า 140/90 มิลลิเมตรปรอท) 7. มีระดับไขมันในเลือดผิดปกติ (ค่าเอชดีแอล มีน้อยกว่าหรือเท่ากับ 40 มิลลิเมตรต่อเดซิลิตร และหรือไตรกลีเซอร์ไรด์มีค่ามากกว่าหรือเท่ากับ 150 มิลลิกรัมต่อเดซิลิตร) แพทย์วินิจฉัยเบาหวานได้อย่างไร แพทย์วินิจฉัยโรคเบาหวานได้จากประวัติอาการ ประวัติการเจ็บป่วยต่าง ๆ ประวัติของคนในครอบครัว การตรวจร่างกาย ที่สำคัญคือการตรวจเลือดเพื่อดูปริมาณน้ำตาลในเลือด และดูสารที่เรียกว่าฮีโมโกลบินเอวันซี ซึ่งค่าปกติของน้ำตาลในเลือดหลังงดน้ำและอาหารอย่างน้อย 8 ชั่วโมงค่า FBS (Fasting Blood Sugar) ต้องน้อยกว่า 110 มิลลิกรัม/เดซิลิตร และค่า HbA1C น้อยกว่า 6.
องค์การอนามัยโลก โดย Expert committee on The Diagnosis and Classification of Diabetes Mellitus ปี พ. ศ. 2543 ได้แบ่งประเภทของโรคเบาหวานตามลักษณะทางคลินิก (Clinical classes) โดยแบ่งเป็น 4 ประเภท คือ 1.
โรคเบาหวานที่เกิดขึ้นขณะตั้งครรภ์ (Gestational diabetes mellitus: GAM) โรคเบาหวานชนิดนี้ผู้ป่วยจะไม่เคยมีประวัติเป็นโรคเบาหวานมาก่อน ในช่วงระหว่างการตั้งครรภ์จะมีฮอร์โมนจากรกซึ่งมีฤทธิ์ต้านอินซูลิน เป็นผลให้ร่างกายตอบสนองต่ออินซูลิน ถ้าไม่สามารถเพิ่มการสร้างอินซูลินให้เพียงพอ จะทำให้เกิดเป็นโรคเบาหวานในขณะตั้งครรภ์ได้ หลังคลอดมักจะพบว่าอาการโรคเบาหวานหายไปแต่จะมีความเสี่ยงในการเกิดโรคเบาหวานได้มาก จึงควรมีการตรวจเช็คเป็นระยะและมีพฤติกรรมที่ป้องกันการเกิดเบาหวาน อ้างอิง: Classification diabetes Diabetes Mellitus ประเภทของเบาหวาน เบาหวาน โรคเบาหวาน
เบาหวาน คืออะไร เบาหวาน คือ ความผิดปกติของร่างกายที่มีการผลิตฮอร์โมนอินซูลินไม่เพียงพอ ส่งผลทำให้ระดับน้ำตาลในกระแสเลือดสูงหรือต่ำเกินไป จนทำให้เกิดภาวะฉุกเฉินต่อร่างกาย โรคนี้มีความรุนแรง สืบเนื่องมาจากการที่ร่างกายไม่สามารถใช้น้ำตาลได้อย่างเหมาะสม โดยปกติน้ำตาลจะเข้าสู่เซลล์ร่างกายเพื่อใช้เป็นพลังงานภายใต้การควบคุมของฮอร์โมนอินซูลิน ในผู้ป่วยที่เป็นโรคเบาหวานจะไม่สามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ผลที่เกิดขึ้นทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดสูงขึ้น ในระยะยาวจะมีผลในการทำลายหลอดเลือด ถ้าหากไม่ได้รับการรักษาอย่างเหมาะสม อาจนำไปสู่สภาวะแทรกซ้อนที่รุนแรงได้ อาการผู้ต้องสงสัย ว่าเป็นเบาหวาน 1. หิวบ่อย 2. ปัสสาวะบ่อย ปัสสาวะมาก 3. กระหายน้ำ 4. น้ำหนักลด 5. อ่อนเพลีย ไม่มีแรง 6. ติดเชื้อบ่อย ๆ ซ้ำ ๆ 8. ตาพร่ามัว ผู้ที่มีโอกาสเสี่ยงต่อการเกิดเบาหวาน 1. ผู้ที่มีอายุ 40 ปีขึ้นไป 2. มีญาติสายตรง คือ พ่อ แม่ พี่ น้อง คนใดคนหนึ่งเป็นโรคเบาหวาน 3. โรคอ้วนและน้ำหนักเกิน ซึ่งส่งผลให้เซลล์ต่างๆดื้อต่ออินซูลิน 4. ไม่ออกกำลังกาย เพราะการออกกำลังกายจะช่วยควบคุมน้ำหนัก และช่วยให้เซลล์ต่าง ๆ ไวต่อการนำน้ำตาลไปใช้ หรือช่วยการเผาผลาญน้ำตาลในเลือดได้ดีนั่นเอง 5.
บังคับ คดี หัก เงินเดือน, 2024 | Sitemap