4 ระดับอุดมศึกษา เสริมสร้างทักษะสังคม การมีจิตสำนึกรับผิดชอบต่อสังคม ส่งเสริมกิจกรรมจิตอาสา สร้างพลังการมีส่วนร่วมของนิสิตนักศึกษาในการป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติดเชิงพื้นที่ 2. ด้านการค้นหา สำรวจ ค้นหา คัดกรอง โดยใช้ระบบดูแลช่วยเหลือนักเรียน การสังเกต ซักถาม ฯลฯ และแบ่งกลุ่มเพื่อหามาตรการป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติดที่เหมาะสม ได้แก่ กลุ่มทั่วไป กลุ่มเสี่ยง กลุ่มใช้ยาเสพติด 3. ด้านการรักษา ให้โอกาสเมื่อเด็กพลั้งพลาดเข้าไปเกี่ยวข้องกับยาเสพติด หรือมีแนวโน้มเข้าไปเกี่ยวข้องกับยาเสพติด โดยการปรับความคิด/พฤติกรรม สร้างค่านิยมใหม่ ดูแลช่วยเหลือ ติดตามอย่างใกล้ชิด ระหว่าง ครู ผู้ปกครอง และนักเรียน ทั้งนี้ สถานศึกษาจะต้องเปิดให้โอกาสให้เด็กได้เรียนต่อตามปกติ - กลุ่มเสี่ยง: ค่ายปรับเปลี่ยนพฤติกรรมกลุ่มเสี่ยง การให้คำปรึกษา ติดตาม เยี่ยมบ้าน ฯลฯ - กลุ่มใช้ยาเสพติด: กรณีค้นพบในสถานศึกษา โดยการทำจิตสังคมบำบัดในสถานศึกษา ร่วมมือกันอย่างใกล้ชิดระหว่าง ครู ผู้ปกครอง เจ้าหน้าที่สาธารณสุข 4. ด้านการเฝ้าระวัง สอดส่อง เฝ้าระวัง เป็นหูเป็นตา ร่วมมือกันระหว่าง ครู นักเรียน ผู้ปกครอง ชุมชน และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยมีกิจกรรมที่เข้ามาหนุนเสริม เช่น ลูกเสือต้านภัยยาเสพติด /1 ตำรวจ 1 โรงเรียน /การจัดระเบียบสังคมรอบสถานศึกษา ฯลฯ 5.
พระราชบัญญัติคุ้มครองเด็ก พ. 2546 ได้ให้อำนาจรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการวางระเบียบว่าด้วยการลงโทษนักเรียนและนักศึกษาไว้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการจึงได้ออก ระเบียบกระทรวงศึกษาธิการ ว่าด้วยการลงโทษนักเรียนและนักศึกษา พ. 2548 ซึ่งประกาศในราชกิจจานุเบกษา เล่ม 122 ตอนพิเศษ 35 ง เมื่อวันที่ 26 เมษายน 2548 และกำหนดให้ใช้บังคับตั้งแต่วันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป 2. เมื่อวันที่ 23 กรกฎาคม 2551 ราชกิจจานุเบกษา เล่ม 125 ตอนพิเศษ 120 ง ได้เผยแพร่ กระทู้ถามที่ 042 ของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร และคำตอบกระทู้ถามที่ 042 ของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ในเรื่องการลงโทษนักเรียนเกินกว่าเหตุ โดยมีสาระสำคัญสรุปได้ความว่า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการตอบชี้แจงเรื่องการลงโทษนักเรียนเกินกว่าเหตุว่า สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐานได้มีหนังสือซักซ้อมความเข้าใจเกี่ยวกับความประพฤติและการรักษาวินัยของข้าราชการครู เพื่อกำชับกวดขันให้ผู้บริหารสถานศึกษาเอาใจใส่ และให้ถือปฏิบัติตามระเบียบกระทรวงศึกษาธิการว่าด้วยการลงโทษนักเรียน พ. 2548 อย่างเคร่งครัด ซึ่งระเบียบกระทรวงศึกษาธิการว่าด้วยการลงโทษนักเรียนและนักศึกษา พ.
สถานโทษของผู้ทุจริตต่อหน้าที่ราชการ "ก. พ. ค. ขอบอก"ครั้งนี้ขอเสนอบทความส่งท้ายปีงบประมาณ พ. ศ. 2560 ประจำเดือนกันยายนด้วยเรื่องของการลงโทษข้าราชการผู้ทุจริตที่เบียดบังเงินของหลวงไปใช้เป็นประโยชน์ส่วนตัวที่จะต้องลงโทษไล่ออกจากราชการเพียงสถานเดียว เพื่อเป็นการย้ำเตือนข้าราชการทุกท่านว่าหากท่านใดมีพฤติการณ์เช่นนี้ แม้ภายหลังจะได้นำเงินที่เบียดบังนั้นมาคืน ก็ไม่เป็นเหตุให้ลดหย่อนผ่อนโทษได้ เนื่องจากรัฐมีนโยบายที่ไม่สนับสนุนผู้ที่มีพฤติการณ์เช่นนี้ให้อยู่ในระบบราชการต่อไปนั่นเอง เรื่องนี้ผู้อุทธรณ์ได้อุทธรณ์ต่อ ก. กรณีได้รับชำระเงินค่าภาษีรถประจำปีและค่าธรรมเนียมในการดำเนินการทางทะเบียนแล้วเบียดบังเงินดังกล่าวไปเป็นประโยชน์ของตนเองจำนวนเกือบ 4 ล้านบาท โดยกระทำการเช่นนี้ตลอดระยะเวลาที่ได้รับมอบหมายให้ทำหน้าที่รับชำระเงินค่าภาษีรถประจำปี ก.
การตัดคะแนนความประพฤติ ให้เป็นไปตามระเบียบปฏิบัติว่าด้วยการตัดคะแนนความประพฤตินักเรียนและนักศึกษาของแต่ละสถานศึกษา กำหนด และให้ทำบันทึกข้อมูลไว้เป็นหลักฐานข้อ 10. ทำกิจกรรมเพื่อให้ปรับเปลี่ยนพฤติกรรม ใช้ในกรณีที่นักเรียนและนักศึกษากระทำความผิดที่สมควรต้องปรับเปลี่ยน พฤติกรรม การจัดกิจกรรมให้เป็นไปตามแนวทางที่กระทรวงศึกษาธิการกำหนด อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้าปี 2542 กระทรวงศึกษาธิการมีระเบียบลงโทษนักเรียน ที่อนุญาตให้ครูใช้ไม้เรียวตีนักเรียนได้หลังจากปี 2542 มีระเบียบลงโทษนักเรียน ห้ามลงโทษนักเรียนโดยการตี และล่าสุดจาก ระเบียบข้างต้นโดยปรับปรุงระเบียบกระทรวงศึกษาธิการว่าด้วย เรื่องการลงโทษนักเรียนและนักศึกษา ประกาศ ณ วันที่ 18 มกราคม พ. 2548 กำหนดบทลงโทษไว้อย่างชัดเจน คือ ว่ากล่าวตักเตือน ทำทัณฑ์บน ตัดคะแนนความประพฤติ และทำกิจกรรมเพื่อปรับพฤติกรรมเท่านั้น
มาตรา 19 หากผู้ต้องโทษประหารชีวิตเป็นหญิงมีครรภ์ ต้องรอโทษประหารชีวิตไว้ก่อนจนกว่าจะคลอดบุตรแล้วจึงให้ประหารได้ ตาม ปวอ. มาตรา 247 วรรค 2 หากผู้ต้องโทษประหารชีวิตเป็นคนวิกลจริตก่อนถูกประหารชีวิต ต้องรอการประหารชีวิตไว้จนกว่าจะหาย ถ้าหายหลัง 1 ปี นับแต่คำพิพากษาถึงที่สุด ก็ให้ลดโทษลงเป็นจำคุกตลอดชีวิต ตาม ปวอ. มาตรา 248 การคำนวณระยะเวลาจำคุก มีหลักเกณฑ์ตาม ปอ. มาตรา 21 คือ ให้นับวันเริ่มจำคุกคำนวณเข้าด้วย และให้นับเป็นหนึ่งวันเต็ม โดยไม่ต้องคำนึงถึงจำนวนชั่วโมง เช่น ศาลพิพากษาให้จำคุกจำเลย วันที่ 3 มกราคม 2530 เวลา 15. 30 น. ส่งตัวจำเลยเข้าเรือนจำเวลา 16. 30 น. ดังนั่นให้นับวันที่ 3 มกราคม 2530 เป็นวันแรกของการลงโทษจำคุก และให้นับเป็น 1 วันเต็ม ไม่เหมือนกับนับระยะเวลาใน ปพพ. มาตรา 158 ซึ่งจะไม่นับวันแรกของระยะเวลารวมคำนวณเข้าไปด้วย ในกรณีที่กำหนดโทษไว้เป็นเดือน ไม่ถือตามเดือนปฏิทิน แต่เอา 30 วัน เป็นหนึ่งเดือน เช่น เริ่มต้นจำคุกวันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2530 มีกำหนด 1 เดือน ครบกำหนดวันที่ 2 มีนาคม 2530 ไม่เหมือนกับการนับระยะเวลาใน ปพพ. มาตรา 159 วรรคต้น ซึ่งให้คำนวนตามปฏิทิน ถ้ากำหนดเป็นปีให้คำนวณตามปฏิทินในราชการ ซึ่งอาจมี 365 วันหรือ 366 วัน ก็ได้ เช่น เริ่มต้นจำคุกวันที่ 1 ตุลาคม 2530 ครบกำหนด 1 ปี เมื่อวันที่ 30 กันยายน 2531 อนึ่งการกำหนดโทษจำคุก ถ้ากฎหมายระวางโทษไว้อย่างไร ศาลก็ต้องกำหนดให้เป็นไปตามนั้น เช่น กฎหมายระวางโทษเป็นเดือน ศาลก็ต้องกำหนดโทษเป็นเดือนด้วย หลักเกณฑ์การเริ่มรับโทษจำคุก เป็นไปตาม ปอ.
ข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา ผู้ใดฝ่าฝืนข้อห้ามหรือไม่ปฏิบัติตามข้อปฏิบัติตามข้อปฏิบัติทางวินัย ตามที่บัญญัติไว้ในหมวดนี้ ถือว่าผู้นั้นได้กระทำผิดวินัย โทษผิดวินัยมี 5 สถาน 1. ภาคทัณฑ์ 2. ตัดเงินเดือน 3. ลดขั้นเงินเดือน 4. ปลดออก 5. ไล่ออก การออกคำสั่ง ลงโทษข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา 1. ทำเป็นคำสั่ง 2. วิธีการออกคำสั่งเป็นไปตามระเบียบ ก. ค. ศ. 3. ต้องสั่งลงโทษให้เหมาะสมกับความผิด 4. ต้องไม่เป็นการลงโทษโดยพยาบาท อคติ หรือโทสะ 5. คำสั่งลงโทษให้ระบบกรณีกระทำความผิดมาตราที่ปรับบทความผิด 6. เหตุผลในการกำหนดสถานโทษ รบกวนคลิกให้คะแนนโพสต์นี้ด้วยครับ [รวม: 0 เฉลี่ย: 0]
ขอบอก"ด้วยดีตลอดมา และขอแจ้งท่านผู้อ่านทุกท่านในที่นี้ว่า ท่านสามารถติดตาม "ก. ขอบอก" ได้ในรูปแบบของจุลสารรายไตรมาสเร็วๆ นี้ ที่จะมีข่าวสารและความรู้ที่น่าสนใจอีกมาก ซึ่งจะแจกแก่ส่วนราชการต่างๆ โดยสำนักงาน ก. จะได้นำลงในเว็ปไซต์ หรือ อีกทางหนึ่งด้วยนะ.. ขอบอก... (ตีพิมพ์ในหนังสือพิมพ์มติชนรายวัน คอลัมน์ "ก. ขอบอก" ฉบับวันอังคารที่ 5 กันยายน 2560) ประเภทเนื้อหา วันที่ Tue, 2017/09/05 - 08:30
บังคับ คดี หัก เงินเดือน, 2024 | Sitemap